Apple เปิดตัว iPhone Air ใหม่: ดีไซน์บางเฉียบ ประสิทธิภาพระดับโปร และนวัตกรรมที่น่าทึ่ง

iPhone Air คือ iPhone รุ่นใหม่ที่ทรงพลัง มาพร้อมดีไซน์บางและเบาอย่างไม่น่าเชื่อ ทนทานกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา พร้อมประสบการณ์กล้องสุดล้ำ และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันอย่างน่าทึ่ง
คูเปอร์ติโน, แคลิฟอร์เนีย — วันนี้ Apple ได้เปิดตัว iPhone Air ใหม่หมดจด ซึ่งเป็น iPhone ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมประสิทธิภาพระดับโปร iPhone Air โดดเด่นด้วยดีไซน์ไทเทเนียมที่ปฏิวัติวงการ ทั้งหรูหรา เบา และแข็งแกร่ง พร้อมสถาปัตยกรรมภายในสุดล้ำที่มอบประสบการณ์ iPhone ล่าสุด ด้านหลังของ iPhone Air ได้รับการปกป้องด้วย Ceramic Shield เป็นครั้งแรก และกระจกด้านหน้าใช้ Ceramic Shield 2 ที่ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า ทำให้ iPhone Air เป็น iPhone ที่ทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นอกจากนี้ iPhone Air ยังมาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว ที่สวยงามน่าทึ่ง พร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่ปรับอัตรารีเฟรชได้สูงสุดถึง 120Hz¹ ด้วยชิปที่ออกแบบโดย Apple มากที่สุดใน iPhone ไม่ว่าจะเป็นชิป A19 Pro อันทรงพลัง, N1 และ C1X ทำให้ iPhone Air เป็น iPhone ที่ประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา เมื่อรวมกับสถาปัตยกรรมภายในที่ออกแบบใหม่และการปรับแต่งซอฟต์แวร์ ทำให้ iPhone Air มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันอย่างน่าประทับใจ กล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48MP อันทรงพลังให้คุณภาพเทียบเท่าเลนส์ 4 ตัว พร้อมคุณภาพของภาพที่น่าทึ่ง และกล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18MP สุดล้ำที่ยกระดับการถ่ายเซลฟี่ไปอีกขั้น

iPhone Air จะวางจำหน่ายใน 4 สีสันสวยงาม ได้แก่ สีดำสเปซแบล็ก, สีขาวคลาวด์ไวท์, สีทองไลท์โกลด์ และสีฟ้าสกายบลู โดยจะเริ่มสั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน

“iPhone Air ใหม่หมดจดนั้นทรงพลัง แต่กลับบางและเบาอย่างไม่น่าเชื่อ จนคุณต้องลองสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะเชื่อได้ว่ามันมีอยู่จริง การก้าวกระโดดครั้งใหญ่นี้ทั้งในด้านการออกแบบและวิศวกรรมเกิดขึ้นได้ด้วยนวัตกรรมของ Apple เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Apple silicon” John Ternus, รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว “iPhone Air เป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล iPhone ที่มอบฟีเจอร์ขั้นสูงที่ผู้ใช้จะต้องหลงรัก ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพระดับโปร, ระบบกล้อง Fusion 48MP ที่ใช้งานได้หลากหลาย, กล้องหน้า Center Stage สุดล้ำ และแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยมตลอดวัน ทั้งหมดนี้อยู่ในดีไซน์ที่ปฏิวัติวงการซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถืออนาคตไว้ในมือ”
ดีไซน์ที่ปฏิวัติวงการ
ด้วยดีไซน์ที่บางเฉียบและประสิทธิภาพระดับโปร iPhone Air จึงเป็น iPhone ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยความหนาเพียง 5.6 มม. และเบาอย่างเหลือเชื่อ มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่สวยงาม กรอบไทเทเนียมเกรด 5 มีความแข็งแรงพร้อมผิวเคลือบเงางามหรูหรา และมีส่วนนูน (Plateau) ด้านหลังที่ผ่านการขึ้นรูปอย่างแม่นยำทั้งสองด้านเพื่อเป็นที่อยู่ของกล้อง ลำโพง และชิป Apple silicon ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน ดีไซน์ที่บางเฉียบนี้ยังมาพร้อมปุ่ม Action เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม และปุ่มควบคุมกล้อง (Camera Control) เพื่อเปิดกล้องหรือใช้งาน Visual Intelligence ได้อย่างรวดเร็ว²
จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้วที่สวยงามมาพร้อม ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดถึง 120Hz เพื่อการเลื่อนที่ลื่นไหลและกราฟิกที่น่าทึ่ง จอภาพแบบติดตลอด (Always-On display) จะแสดงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว และจะปรับลดลงเหลือ 1Hz อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อไม่ใช้งาน iPhone Air ยังใช้งานกลางแจ้งได้ง่ายด้วยความสว่างสูงสุด 3,000 นิต ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และมีคอนทราสต์ในที่กลางแจ้งดีขึ้น 2 เท่า
iPhone Air ยังเปิดตัวกระจกด้านหน้า Ceramic Shield 2 ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระจกสมาร์ทโฟนหรือเซรามิกแก้วใดๆ พร้อมสารเคลือบที่ออกแบบโดย Apple เพื่อความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่ดีขึ้น 3 เท่า และปรับปรุงการป้องกันแสงสะท้อนเพื่อลดแสงจ้า และเป็นครั้งแรกที่ Ceramic Shield ถูกนำมาใช้ปกป้องด้านหลังของ iPhone รวมถึงส่วนนูนของกล้อง ทำให้ทนทานต่อการแตกร้าวได้ดีกว่ากระจกหลังของรุ่นก่อนถึง 4 เท่า เมื่อรวมกับกรอบไทเทเนียมที่แข็งแกร่ง ทำให้ iPhone Air มีความทนทานเกินกว่าข้อกำหนดด้านความแข็งแรงต่อการโค้งงอที่เข้มงวดของ Apple
ระบบกล้องทรงพลัง
iPhone Air เปิดตัวกล้องหน้า Center Stage ใหม่หมดจดที่ยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอ กล้องหน้านี้ใช้เซ็นเซอร์ทรงสี่เหลี่ยมเป็นครั้งแรกใน iPhone ทำให้มีมุมมองที่กว้างและถ่ายภาพได้สูงสุด 18MP ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องหมุน iPhone เพื่อถ่ายเซลฟี่แนวนอนอีกต่อไป โดยสามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนในขณะที่ถือ iPhone ในแนวตั้ง สำหรับการถ่ายภาพกลุ่ม Center Stage จะใช้ AI เพื่อขยายมุมมองโดยอัตโนมัติและสามารถหมุนจากแนวตั้งเป็นแนวนอนเพื่อให้ทุกคนอยู่ในเฟรมได้ กล้องหน้า Center Stage ยังช่วยให้ถ่ายวิดีโอ 4K HDR ได้นิ่งสุดๆ และผู้ใช้ยังสามารถบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าและหลังพร้อมกันด้วยฟีเจอร์ Dual Capture ซึ่งเหมาะสำหรับการบันทึกภาพตัวเองและโลกรอบตัวไปพร้อมๆ กัน
ระบบกล้อง Fusion 48MP ใหม่ที่ใช้งานได้หลากหลายมอบเลนส์เทียบเท่า 4 ตัวในกระเป๋าของคุณ เลนส์หลักที่ออกแบบมาเป็นพิเศษรองรับทางยาวโฟกัสยอดนิยมที่ 28 มม. และ 35 มม. ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการจัดเฟรมภาพมากขึ้น และเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ขนาดใหญ่ 2.0µm พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Sensor-shift (OIS) ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ใช้ยังสามารถซูมเข้าใกล้วัตถุได้ด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ 2 เท่าคุณภาพระดับออปติคัล ที่มาพร้อม Photonic Engine ที่อัปเดตใหม่ ซึ่งช่วยเก็บรายละเอียดและสีสันที่สมจริงยิ่งขึ้น
ไปป์ไลน์การประมวลผลภาพแบบใหม่ที่สร้างขึ้นสำหรับ iPhone Air ช่วยให้ถ่ายภาพบุคคลเจเนอเรชันถัดไปพร้อม Focus Control ในระดับเดียวกับระบบกล้องหลายตัว โดยจะบันทึกข้อมูลความลึกโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายเป็นภาพบุคคลได้ในภายหลังในแอปรูปภาพ
ขับเคลื่อนด้วย Apple Silicon
ดีไซน์ของ iPhone Air เกิดขึ้นได้ด้วย Apple silicon เท่านั้น ชิปประสิทธิภาพสูงอย่าง A19 Pro, N1 และ C1X ทำให้ iPhone Air เป็น iPhone ที่ประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา
- A19 Pro: มาพร้อม CPU 6-core ใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานสำหรับงานที่ผู้ใช้ทำทุกวัน ทำให้เป็น CPU ที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน GPU 5-core มีสถาปัตยกรรมที่อัปเกรดใหม่ มอบประสบการณ์การเล่นเกมบนมือถือไปอีกระดับ
- N1: ชิปเครือข่ายไร้สายที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งรองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6 และ Thread ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Personal Hotspot และ AirDrop
- C1X: โมเด็มเซลลูลาร์ใหม่ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งเร็วกว่า C1 ถึง 2 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 30% ทำให้เป็นโมเด็มที่ประหยัดพลังงานที่สุดใน iPhone
แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
ด้วย Apple silicon ที่ล้ำสมัย สถาปัตยกรรมภายในที่เพิ่มพื้นที่ให้แบตเตอรี่สูงสุด และการปรับแต่งซอฟต์แวร์ ทำให้ iPhone Air มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันอย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ โหมดพลังงานแบบปรับได้ (Adaptive Power Mode) ใหม่ใน iOS 26 ยังช่วยเรียนรู้การใช้งานแบตเตอรี่ของผู้ใช้และคาดการณ์เมื่อแบตเตอรี่ใกล้จะหมด เพื่อประหยัดพลังงานอย่างชาญฉลาดให้เพียงพอตลอดทั้งวัน

มาพร้อม iOS 26 และขุมพลัง Apple Intelligence
iOS 26 ยกระดับประสบการณ์ iPhone ด้วยดีไซน์ใหม่ที่สวยงาม ความสามารถของ Apple Intelligence อันทรงพลัง และการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับแอปที่ผู้ใช้พึ่งพาอยู่ทุกวัน ดีไซน์ใหม่พร้อม Liquid Glass ทำให้แอปและระบบดูมีชีวิตชีวาและน่าใช้ยิ่งขึ้น Apple Intelligence สามารถแปลข้อความและเสียงได้ทันทีด้วย Live Translation ช่วยให้ผู้ใช้สื่อสารข้ามภาษาในแอป Messages, FaceTime และ Phone ได้⁵
อุปกรณ์เสริมใหม่ที่สวยงาม
Apple กำลังเปิดตัวระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมใหม่เพื่อเติมเต็มดีไซน์ที่ปฏิวัติวงการของ iPhone Air:

- iPhone Air Case with MagSafe: เคสโปร่งแสงบางเฉียบ มีให้เลือก 2 สี (frost และ shadow)

- iPhone Air Bumper: เคสแบบขอบที่บางและเบา มีให้เลือก 4 สีที่เข้ากัน

- Crossbody Strap: สายคล้องคอที่ทำจากเส้นด้ายรีไซเคิล 100% ปรับความยาวได้ง่าย มีให้เลือก 10 สี

- iPhone Air MagSafe Battery: แบตเตอรี่เสริม MagSafe ดีไซน์บางเบาที่ติดเข้ากับด้านหลังของเครื่องได้อย่างแนบสนิท
iPhone Air และสิ่งแวดล้อม
iPhone Air ผลิตโดยใช้วัสดุรีไซเคิล 35% รวมถึงไทเทเนียมรีไซเคิล 80% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และโคบอลต์รีไซเคิล 100% ในแบตเตอรี่ พอร์ต USB-C ไทเทเนียมใหม่ผลิตด้วยการพิมพ์ 3 มิติเพื่อให้บางและแข็งแรงขึ้น บรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษที่ใช้เยื่อไม้ 100% และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน Apple 2030 ที่จะทำให้บริษัทมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในสิ้นทศวรรษนี้
Apple เปิดตัว iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max: รุ่น Pro ที่ทรงพลังและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ขับเคลื่อนด้วยชิป A19 Pro ในดีไซน์ใหม่หมดจด iPhone 17 Pro มอบประสิทธิภาพ ระบบกล้อง และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone
คูเปอร์ติโน, แคลิฟอร์เนีย – วันนี้ Apple ได้เปิดตัว iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดโดดเด่น ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้านประสิทธิภาพ ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยชิป A19 Pro ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone ทำให้สามารถใช้งานระบบกล้องสุดล้ำ เล่นเกมมือถือในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และใช้งาน Apple Intelligence ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ตัวเครื่องสร้างขึ้นจากอะลูมิเนียม unibody ชิ้นเดียวที่แข็งแกร่ง น้ำหนักเบา และนำความร้อนได้ดีเยี่ยม ภายในมีระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งช่วยให้ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีประสิทธิภาพสูงที่สุดและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมหาศาล
ระบบกล้องหลังประกอบด้วยกล้อง Fusion ความละเอียด 48MP จำนวน 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้รุ่นใหม่ ซึ่งให้ประสบการณ์เทียบเท่าการมีเลนส์ระดับโปรถึง 8 ตัว รวมถึงการซูมแบบออปติคัลที่ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ถึง 8 เท่า ในขณะที่กล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18MP ก็ยกระดับการถ่ายเซลฟี่ไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์วิดีโอระดับโปรสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์โดยเฉพาะ เช่น ProRes RAW, Apple Log 2 และ genlock ซึ่งทำให้ iPhone สามารถทำงานร่วมกับโปรดักชันขนาดเล็กและใหญ่ได้อย่างไร้รอยต่อ
กระจกด้านหน้าเป็น Ceramic Shield 2 ที่ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า และเป็นครั้งแรกที่ Apple นำ Ceramic Shield มาใช้ปกป้องกระจกด้านหลังของ iPhone ด้วย

iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีให้เลือกใน 3 สีใหม่ที่สวยงาม ได้แก่ น้ำเงินเข้ม (Deep Blue), ส้มคอสมิก (Cosmic Orange) และเงิน (Silver) โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน
“iPhone 17 Pro คือ iPhone ที่ทรงพลังที่สุดที่เราเคยสร้างมา ด้วยดีไซน์ใหม่ที่น่าทึ่งซึ่งถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดจากภายในสู่ภายนอกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นอย่างมหาศาล” Greg Joswiak, รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าว “ด้วยกล้อง Fusion 48MP สามตัว ประสบการณ์ใหม่จากกล้องหน้า Center Stage และฟีเจอร์วิดีโอระดับโปร ทำให้โอกาสในการสร้างสรรค์นั้นไร้ขีดจำกัด iPhone 17 Pro ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสมาร์ทโฟน และเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด”
ดีไซน์ใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืน
ดีไซน์ตัวเครื่อง unibody แบบอะลูมิเนียมขัดเงาผลิตจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งมีน้ำหนักเบาและให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone โครงสร้างภายในใหม่มาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ออกแบบโดย Apple เพื่อช่วยกระจายความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น ทำให้ชิป A19 Pro สามารถทำงานได้เต็มกำลังอย่างต่อเนื่อง ความร้อนจะถูกส่งผ่านไปยังตัวเครื่องอะลูมิเนียมและกระจายออกไปอย่างทั่วถึง ช่วยให้ตัวเครื่องยังคงจับถือได้สบายแม้ใช้งานหนัก
ดีไซน์ unibody นี้ยังเพิ่มพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น เมื่อรวมกับประสิทธิภาพของชิป A19 Pro และการจัดการพลังงานขั้นสูงของ iOS 26 ทำให้ iPhone 17 Pro Max มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับการชาร์จเร็ว 50% ใน 20 นาที เมื่อใช้อะแดปเตอร์ USB-C กำลังไฟสูงอย่าง Dynamic Power Adapter 40W ใหม่ของ Apple
จอภาพที่งดงามและความทนทานระดับแนวหน้า
iPhone 17 Pro มาในขนาด 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว พร้อมจอภาพ Super Retina XDR ที่ได้รับการปกป้องโดย Ceramic Shield 2 ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระจกสมาร์ทโฟนทุกรุ่น และมาพร้อมการเคลือบผิวแบบใหม่ที่ออกแบบโดย Apple ทำให้ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า และลดแสงสะท้อนได้ดียิ่งขึ้น จอภาพอันงดงามนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion สูงสุด 120Hz, คุณสมบัติ Always-On และความสว่างสูงสุดขณะอยู่กลางแจ้งที่ 3000 nits ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีบน iPhone และเป็นครั้งแรกที่ Ceramic Shield ถูกนำมาใช้กับกระจกด้านหลัง ทำให้ทนต่อการแตกร้าวได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า
A19 Pro: ชิป iPhone ที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานที่สุด
A19 Pro คือชิป iPhone ที่มีความสามารถสูงสุดของ Apple เมื่อทำงานร่วมกับ Vapor Chamber จะทำให้ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มีประสิทธิภาพการทำงานต่อเนื่องดีกว่ารุ่นก่อนถึง 40% เหมาะสำหรับการเล่นเกม การตัดต่อวิดีโอ และการรันโมเดลภาษาขนาดใหญ่บนเครื่อง มาพร้อม CPU 6-core ที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน และ GPU 6-core ที่มี Neural Accelerators ในตัวแต่ละคอร์ ช่วยให้การประมวลผลกราฟิกสวยงามน่าทึ่ง และสามารถเล่นเกมระดับ AAA อย่าง Arknights: Endfield ด้วย Ray Tracing ที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์และเฟรมเรตที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ iPhone 17 ยังมาพร้อม N1 ชิปเน็ตเวิร์กไร้สายที่ออกแบบโดย Apple รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6 และ Thread ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของคุณสมบัติต่างๆ เช่น Personal Hotspot และ AirDrop
ระบบกล้องระดับโปร ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max มาพร้อมระบบกล้องที่ดีที่สุดของ Apple ด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เทียบเท่ากับการมีเลนส์โปร 8 ตัวในกระเป๋าของคุณ
- กล้องหลัง Fusion 48MP สามตัว: เก็บภาพได้คมชัดและมีรายละเอียดสูงขึ้น กล้อง Telephoto 48MP รุ่นใหม่ใช้ดีไซน์ tetraprism เจเนอเรชันถัดไป พร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น 56% ทำให้ภาพคมชัดขึ้นในที่แสงจ้าและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นในที่แสงน้อย
- ซูมไกลที่สุด: ซูมแบบออปติคัล 4x ที่ระยะ 100 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล และซูมแบบออปติคัล 8x ที่ระยะ 200 มม. ซึ่งยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ช่วยให้เข้าถึงวัตถุได้ไกลขึ้น และมีตัวเลือกในการสร้างสรรค์มากขึ้น
- Photonic Engine ที่อัปเดต: ใช้ Machine Learning เพื่อรักษารายละเอียดที่เป็นธรรมชาติ ลด Noise และให้ความแม่นยำของสีที่ดีขึ้นอย่างมาก และสามารถซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 40x
- กล้องหน้า Center Stage ใหม่: เป็นครั้งแรกที่ใช้เซ็นเซอร์กล้องหน้าทรงสี่เหลี่ยมบน iPhone ให้มุมมองที่กว้างขึ้นและความละเอียดสูงสุด 18MP ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนในขณะที่ถือโทรศัพท์ในแนวตั้ง และเมื่อถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม AI จะขยายมุมมองและหมุนภาพจากแนวตั้งเป็นแนวนอนโดยอัตโนมัติเพื่อให้ทุกคนอยู่ในเฟรม นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอ 4K HDR ที่นิ่งเป็นพิเศษ และบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าและหลังพร้อมกันได้ด้วยฟีเจอร์ Dual Capture
ขีดสุดแห่งวิดีโอระดับโปร
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ ProRes RAW, Log 2 และ genlock ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ซิงโครไนซ์วิดีโอจากกล้องหลายตัวได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพโดยไม่ต้องเสียเวลาปรับเฟรมต่อเฟรมด้วยตนเอง
eSIM: การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสะดวกสบาย
eSIM เป็นซิมดิจิทัลที่ให้ความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อที่ราบรื่นกว่าซิมการ์ดจริง โดย iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max รุ่นที่รองรับเฉพาะ eSIM จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ ซึ่งรุ่นเหล่านี้จะมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น โดยใช้พื้นที่ของถาดซิมเดิม ทำให้สามารถเล่นวิดีโอได้นานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง (สูงสุด 39 ชั่วโมง)
มาพร้อม iOS 26 และ Apple Intelligence
iOS 26 ยกระดับประสบการณ์ iPhone ด้วยดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Liquid Glass และความสามารถของ Apple Intelligence ที่ทรงพลัง เช่น Live Translation สำหรับการแปลข้อความและเสียงแบบเรียลไทม์ และการอัปเดต Visual Intelligence ที่ให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลจากภาพหน้าจอได้ทันที
อุปกรณ์เสริมใหม่ที่สวยงาม
- เคส TechWoven: ทำจากผ้าทอหลากสีสัน ให้มิติและความลึกของสีที่สวยงาม ทนทานต่อรอยขีดข่วนและคราบสกปรก
- เคสใสพร้อม MagSafe: ผลิตจากโพลีคาร์บอเนตใสและวัสดุที่ยืดหยุ่น พร้อมเคลือบสารกันรอย
- เคสซิลิโคนพร้อม MagSafe: มีให้เลือก 6 สีสันสวยงาม
- สายคล้อง Crossbody Strap: ใช้คู่กับเคส TechWoven และเคสซิลิโคน ผลิตจากเส้นด้ายรีไซเคิล 100% ปรับความยาวได้ง่ายด้วยแม่เหล็ก
iPhone 17 Pro กับสิ่งแวดล้อม
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ผลิตโดยใช้วัสดุรีไซเคิล 30% รวมถึงโคบอลต์รีไซเคิล 100% ในแบตเตอรี่และทองคำรีไซเคิล 100% ในแผงวงจรพิมพ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Apple 2030 ที่จะทำให้บริษัทมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในสิ้นทศวรรษนี้ บรรจุภัณฑ์ยังทำจากเยื่อไม้ 100% และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย
เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ iPhone 17 ทั้ง 4 รุ่น โดยเริ่มความจุเริ่มต้นที่ 256 GB และสูงสุด 2 TB
256 GB | 512 GB | 1 TB | 2 TB | |
iPhone 17 | 29,900 | 37,900 | – | – |
iPhone 17 Air | 39,900 | 47,900 | 55,900 | – |
iPhone 17 Pro | 43,900 | 51,900 | 59,900 | – |
iPhone 17 Pro Max | 48,900 | 56,900 | 64,900 | 80,900 |
โดยในประเทศไทยยังคงได้รับสิทธิระดับแรก นั้นคือจะเปิดทำการจองวันที่ 12 กันยายนและรับเครื่องในวันที่ 19 กันยายน โดยใช้เวลาเพียง 7 วันในการรอเครื่องล็อตแรก โดยสีใหม่ของ iPhone Pro ที่เป็นสัมน้ำเงินนั้น มีการล้อถึงการเมืองในช่วงเวลาเดียวกันได้อีกด้วย
- โดยหากแนะนำซื้อ Iphone 17 ไปเลยเพราะอัปเกรดจาก iphone 16 หลายประการ
- ความจุ 128>256
- กล้องหน้า 12>18
- จอ 60>120
- กันสั่นกล้องหน้า 16 ไม่มี / 17 มี
- จอ 6.1>6.3
- ราคาเท่าเดิม!!
ราคาเท่าเดิม!!
โดยหากเทียบราคารุ่นความจำเริ่มต้นต่อสัดส่วนราคา สัดส่วนจะเพิ่ม 256 GB ไป 512 GB จะโดด 8 พันและ 2 เท่าใน 1 TB แรกแต่สัสส่วนของ 2 TB ความจะโดด 32,000 กลับคิดเพิ่มมากถึง 40,100
256 GB | 512 GB | 1 TB | 2 TB | |
iPhone 17 | 29,900 | +8,000 | – | – |
iPhone 17 Air | 39,900 | +8,000 | +16,000 | – |
iPhone 17 Pro | 43,900 | +8,000 | +16,000 | – |
iPhone 17 Pro Max | 48,900 | +8,000 | +16,000 | +40,100 |
เพราะตัว iOS ใหม่นั้นมีระบบการรองรับ Harddrive ภายนอกแล้วแทบจะไม่ต้องเพิ่มความจุภายในมากเกิน 1 TB เลยเพราะไม่คุ้ม โดยในกลุ่มที่คุ้มมาที่สุดคือตัวเริ่มต้นจากเดิมจะให้มาแค่ 128 GB เท่านั้น โดยหากคุณใช้งานถ่ายภาพมากจริงๆ สามารถใช้ 256 GB เพื่อถ่ายภาพ RAW ไว้ก่อนเพื่อความไว + SSD HD Drive ทำการโยนไฟล์ออกมาเพื่อนำไปตัดต่อหรือนำออกจากเครื่องมือถือไปใช้ได้ทันที ถ้าหากคุณมีงบเหลือ 8 พัน ที่จะเอาไว้อัพความจุเครื่องสู้เอาไปซื้อ SSD 8 พันบาท ที่ความจุ 4 TB ได้เลย!

shoppee >SANDISK Extreme SDSSDE61 Portable SSD>
Lazada >SANDISK Extreme SDSSDE61 Portable SSD>
และมีการประกาศอัปเกรด iOS 26 พร้อมกันในวันที่ 15 กันยายน 2568
โดยกิมมิกที่ยกมาชัดเจนในเรื่อง liquid glass ใน UI/UX ใหม่ของ iOS 26 นั้นมีการหยิบโยงกับตัว Apple Store ที่เน้นการใช้กระจกจำนวนมากเพื่อแสดงถึงการโปร่งใส่ และหนึ่งในนั้นคือ Apple Store Thailand สาขาหน้า Central World มาโปรโมทก่อนเข้างานอีกด้วย