[kofi]

ฉลอง 10 ปี SEED: ทศวรรษแห่งการค้นพบและนวัตกรรมเบื้องหลังเกมดังของ EA

เมื่อ 10 ปีก่อน Electronic Arts (EA) ได้ก่อตั้งหน่วยงานพิเศษที่มีชื่อว่า SEED (Search for Extraordinary Experiences Division) ด้วยภารกิจที่ท้าทายคือการสำรวจ สร้างสรรค์ และกำหนดนิยามใหม่ให้กับอนาคตของสื่อบันเทิงแบบโต้ตอบ (Interactive Entertainment)

แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากแคมเปญโฆษณา “We See Farther” ของ EA ในปี 1983 ที่ยกย่องนักออกแบบซอฟต์แวร์และวิศวกรในฐานะศิลปิน ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา SEED ได้เปลี่ยนไอเดียการทดลองให้กลายเป็นเทคนิค เครื่องมือ และระบบที่ช่วยยกระดับวิธีการสร้างและประสบการณ์การเล่นเกมของ EA ไปอย่างสิ้นเชิง

ในโอกาสครบรอบ 10 ปี เราจะพาไปย้อนดูเทคโนโลยีสำคัญที่ SEED ได้พัฒนาขึ้นและกลายเป็นรากฐานสำคัญของเกมในปัจจุบัน

seed longform

1. ยกระดับความสมจริงแบบ Real-time (Advancing Realism)

หนึ่งในความสำเร็จแรกๆ ของ SEED คือ Project PICA PICA ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Ray Tracing (การจำลองพฤติกรรมของแสง) โครงการนี้สาธิตให้เห็นถึงแสงและเงาสะท้อนที่สมจริงดุจภาพถ่ายได้ก่อนที่เทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเกมเสียอีก

จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมยังสานต่อมาถึง GIBS (Global Illumination Based on Surfels) เทคโนโลยีที่จำลองแสงสะท้อนทางอ้อม (Indirect lighting) ได้อย่างสมจริง เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในเกม EA SPORTS College Football 25 ช่วยให้สร้างแสงเงาแบบ Global Illumination ในสนามกีฬากว่า 150 แห่งได้แบบเรียลไทม์ รองรับวงจรกลางวัน-กลางคืนโดยไม่ต้องอาศัยการประมวลผลแสงล่วงหน้า (Precomputed lighting)

ในด้านแอนิเมชัน SEED ได้พัฒนาโปรเจกต์ Swish ในเกม Madden NFL 21 ซึ่งเป็นการใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยจำลองการพริ้วไหวของเสื้อผ้า (Cloth simulation) แบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรกๆ ของโลก ทำให้การขยับของเสื้อผ้ามีความสมจริงตามหลักฟิสิกส์โดยที่ระบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง แทนที่จะต้องมานั่งปรับแต่งด้วยมือ

seed swish cloth simulation madden nfl paperthumb.jpg.adapt.1920w

นอกจากนี้ งานวิจัยสำหรับเกม Dragon Age: The Veilguard ยังช่วยให้ผู้พัฒนาสร้างตัวละครที่มีการเคลื่อนไหวหลากหลายและแสดงอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่กินทรัพยากรเครื่อง

2. เร่งจินตนาการด้วยเทคโนโลยี (Accelerating Creativity)

เมื่อการสร้างเกมมีความซับซ้อนขึ้น SEED จึงมุ่งเน้นเครื่องมือที่ช่วยให้ศิลปินทำงานได้เร็วขึ้น หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือ Voice2Face ระบบแอนิเมชันใบหน้าที่ขับเคลื่อนด้วยเสียง (Audio-driven) สามารถสร้างการขยับปากและสีหน้าจากไฟล์เสียงพูดได้โดยตรง เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในฉากคัทซีนของ Battlefield 6 และเสียงเชียร์ในสนามของ EA SPORTS FC 25 ช่วยลดเวลาการผลิตลงอย่างมากในขณะที่ยังคงคุณภาพไว้ได้

นอกจากนี้ SEED ยังร่วมมือกับทีมภายในพัฒนาเวิร์กโฟลว์ใหม่สำหรับ LightStage เทคโนโลยีการสแกนใบหน้าระดับสูง ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดใบหน้าและสีหน้าอันละเอียดอ่อนของนักแสดงเพื่อนำไปสร้างโมเดลในเกมได้อย่างสมจริงที่สุด

3. ใช้ AI สร้างระบบที่ชาญฉลาด (Using AI to Build Smarter Systems)

งานวิจัย AI ของ SEED ไม่ได้หยุดแค่ภาพกราฟิก แต่รวมถึงเกมเพลย์และการดำเนินงานด้วย ใน EA SPORTS FC 26 มีการเปิดตัว Reinforcement-Learning Goalkeeper ซึ่งทำให้ผู้รักษาประตู AI สามารถเรียนรู้ตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของผู้เล่น เพื่อปรับตัวและตัดสินใจป้องกันประตูได้เหมือนกับนักฟุตบอลในโลกความเป็นจริง

ในขณะเดียวกัน สำหรับเกม Apex Legends ทีมงานได้ใช้ระบบตรวจจับผู้ประสงค์ร้าย (Bad Actor Detection) เพื่อระบุและจัดการกับการโกงในแมตช์การแข่งขันนับล้านแมตช์ ช่วยปกป้องประสบการณ์การเล่นที่ยุติธรรมให้กับผู้เล่นทุกคน

ก้าวต่อไปสู่อนาคต

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา SEED ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “การวิจัยประยุกต์” (Applied Research) มีความหมายอย่างไรต่ออุตสาหกรรมเกม จากแสงเงาแบบ Ray-tracing และ Machine Learning ไปจนถึง Generative AI ในอนาคต SEED จะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์เครื่องมือและเทคโนโลยีร่วมกับผู้สร้างทั่วทั้ง EA เพื่อนำทางสู่อนาคตของความบันเทิงในทศวรรษหน้าและตลอดไป

โดเนท

[kofi]

Simscolony
Simscolonyhttp://simscolony.com
ซิมส์โคโลนี

Latest